Edit Template

วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลา

กระเป๋าแบรนด์เนมไม่ว่าจะเป็นของใหม่หรือของมือสอง ล้วนเป็นไอเท็มที่หลายคนหลงรัก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น วัสดุคุณภาพ และความประณีตในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แค่เติมเต็มลุคให้ดูหรูหรา แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมและตัวตนของผู้ถือได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถครอบครองกระเป๋ารุ่นในฝันได้ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แถมหลายใบยังเป็นรุ่น Limited Edition หรือเลิกผลิตไปแล้ว ยิ่งเพิ่มคุณค่าในสายตานักสะสม

แต่กระเป๋าแบรนด์เนมมือสองแม้จะสวยหรูแค่ไหน หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี สภาพก็อาจเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสีซีด ขอบหนังแตก กลิ่นอับ หรือทรงกระเป๋าเสียรูป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงลดความงามในการใช้งาน แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าในตลาดหากคุณต้องการขายต่อ

การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมจึงไม่ใช่เรื่องยากหรือใช้เฉพาะในกระเป๋าใหม่เท่านั้น แต่สามารถเริ่มต้นได้ทันทีแม้กับกระเป๋ามือสองที่คุณเพิ่งได้มา ขอเพียงใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น วัสดุที่ใช้ การทำความสะอาดอย่างถูกวิธี วิธีจัดเก็บที่ป้องกันการเสียทรง หรือแม้กระทั่งการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำร้ายกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองอย่างถูกต้อง เพื่อให้กระเป๋าสุดรักของคุณคงสภาพสวยเหมือนใหม่ได้นานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหนังแท้แสนคลาสสิก ผ้าแคนวาสสุดเท่ หรือรุ่นไอคอนิกที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง เราจะเปิดเผยเทคนิคที่ทำตามได้ง่าย ๆ และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงข้อห้ามที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยของกระเป๋าให้ดู “แพง” อยู่เสมอ

เพราะการลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ไม่ใช่แค่การซื้อของมาใช้ แต่เป็นการดูแลคุณค่าของไลฟ์สไตล์อย่างมีระดับ มาติดตามกันว่า “การดูแล” ที่ถูกวิธีควรทำอย่างไร แล้วคุณจะรักกระเป๋าใบเดิม…มากยิ่งขึ้นทุกวัน

ตรวจสอบวัสดุของกระเป๋าก่อนดูแล

ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดหรือดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ไม่ว่าคุณจะซื้อมาเพื่อใช้งานเองหรือเพื่อขายต่อ สิ่งแรกที่คุณไม่ควรมองข้ามคือ “การตรวจสอบวัสดุของกระเป๋า” เพราะกระเป๋าแต่ละใบ ผลิตจากวัสดุที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่า วิธีการดูแลก็ย่อมแตกต่างกันตามไปด้วย

วัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตกระเป๋าแบรนด์เนมมีหลายประเภท เช่น หนังแท้ (Leather), ผ้าแคนวาส (Canvas), ผ้ากำมะหยี่ (Velvet), ผ้าไนลอน (Nylon), หนังกลับ (Suede) หรือแม้แต่การผสมผสานวัสดุหลายชนิดในใบเดียว ซึ่งถ้าดูแลผิดวิธี วัสดุเหล่านี้อาจเสียหายแบบถาวรได้ทันที

วัสดุแต่ละประเภทดูแลต่างกันอย่างไร?

1. หนังแท้ (Leather)

หนังแท้คือวัสดุสุดคลาสสิกของกระเป๋าแบรนด์เนม ให้ความหรูหราและความทนทาน แต่ก็อ่อนไหวต่อความชื้นและรอยขีดข่วน
การดูแล: หลีกเลี่ยงน้ำ ฝน และแสงแดดโดยตรง ใช้ผ้าแห้งเช็ดเบา ๆ และลงครีมบำรุงหนังโดยเฉพาะอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

2. ผ้าแคนวาส (Canvas)

เช่น Louis Vuitton Monogram หรือ Gucci GG Supreme เป็นผ้าเคลือบกันน้ำเล็กน้อย ดูแลง่ายกว่า
การดูแล: ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดเบา ๆ หลีกเลี่ยงน้ำยาแรง ๆ เพราะอาจทำลายลายพิมพ์และเคลือบผิว

3. ผ้ากำมะหยี่ (Velvet)

เป็นวัสดุที่ให้ลุคหรูหรา แต่ดูแลยากเพราะฝุ่นเกาะง่ายและไวต่อความชื้น
การดูแล: ใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่นเบา ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสของเหลวทุกชนิด

4. หนังกลับ (Suede)

วัสดุที่มีสัมผัสนุ่มแต่ไวต่อคราบและรอยด่าง
การดูแล: ใช้แปรงหนังกลับโดยเฉพาะ ห้ามใช้น้ำ ให้ใช้สเปรย์กันน้ำที่ออกแบบมาสำหรับ suede โดยเฉพาะ

5. ผ้าไนลอน (Nylon)

วัสดุสไตล์สปอร์ตที่ดูแลง่าย ทนทานและกันน้ำได้ดี
การดูแล: เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด หรือผสมน้ำสบู่อ่อน ๆ ได้เป็นครั้งคราว

ทำไมการรู้วัสดุถึงสำคัญ?

เพราะหากคุณใช้ “ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิดประเภท” เช่น ใช้ครีมบำรุงหนังกับกระเป๋าผ้า หรือใช้ผ้าเปียกกับหนังกลับ อาจทำให้พื้นผิวเสียหาย สีซีด ลายหลุด หรือวัสดุแข็งกรอบได้แบบกู้คืนไม่ได้เลย การตรวจสอบก่อนลงมือจึงสำคัญที่สุด

การเก็บรักษาให้กระเป๋าไม่เสียทรง

หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนมหลายคนพบเจอโดยไม่รู้ตัว คือ “กระเป๋าเสียทรง” ซึ่งทำให้ลุคของกระเป๋าดูโทรม ไม่สวยงามเหมือนเดิม และอาจลดมูลค่าของกระเป๋าโดยเฉพาะในกรณีที่คุณต้องการขายต่อในอนาคต โดยเฉพาะกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ที่บางใบอาจผ่านการใช้งานมานาน การเก็บรักษาให้ถูกวิธีจึงยิ่งจำเป็น

รูปทรงของกระเป๋าแบรนด์เนมมีบทบาทสำคัญในการสะท้อนความสวยงามและความพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นทรงตั้ง ทรงโค้ง ทรงกล่อง หรือทรงนิ่ม เมื่อเก็บรักษาไม่ดี เช่น วางผิดวิธี ถูกของทับ หรือไม่มีวัสดุช่วยพยุงด้านใน ก็อาจทำให้กระเป๋ายุบ พับ หรือเสียโครงได้ง่าย

วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยรักษาทรงกระเป๋าให้ดูสวยเหมือนใหม่

1. ยัดกระดาษหรือหมอนใบเล็กไว้ภายใน

หลังใช้งานทุกครั้ง ควรยัด “กระดาษทิชชูแบบหนา” หรือ “หมอนสำหรับพยุงทรงกระเป๋า” เข้าไปด้านใน เพื่อช่วยคงรูปให้กระเป๋าไม่ยุบหรือพับ โดยเฉพาะในกรณีกระเป๋าที่ทำจากหนังนิ่มหรือผ้า

Tip: หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ เพราะหมึกอาจติดผ้าในระยะยาว

2. ห้ามวางซ้อนหรือทับกันเด็ดขาด

ไม่ควรจัดวางกระเป๋าทับกัน เพราะแรงกดจะทำให้ทรงกระเป๋าเสีย โดยเฉพาะบริเวณขอบหรือหูจับ แนะนำให้วางในแนวราบ หรือวางเรียงตั้งบนชั้นโดยเว้นระยะห่างระหว่างใบ

3. ใช้ถุงกันฝุ่น (Dust Bag) ทุกครั้งที่เก็บ

ถุงผ้าสักหลาดหรือผ้าฝ้ายที่แบรนด์มักแถมมากับกระเป๋าคือสิ่งจำเป็น ช่วยป้องกันฝุ่น ความชื้น และแสงแดดที่อาจทำให้กระเป๋าเสื่อมสภาพ โดยยังช่วยคงรูปได้ดีกว่าการวางเปลือย ๆ

4. หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความชื้นหรือร้อนจัด

ควรเก็บกระเป๋าไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท ไม่ชื้น ไม่ร้อน เช่น ในตู้เสื้อผ้าที่มีซองกันชื้น หลีกเลี่ยงบริเวณที่ติดหน้าต่างหรือใกล้พัดลมหรือแอร์โดยตรง เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยอาจทำให้วัสดุกรอบหรือแห้งได้

5. จัดเก็บตามรูปทรงกระเป๋า

กระเป๋าทรงแข็ง เช่น กล่อง หรือ bucket bag ควรวางให้ยืนตรง ส่วนกระเป๋าทรงนิ่มอย่าง hobo หรือ tote ควรวางราบแล้วพยุงรูปด้วยหมอนหรืออุปกรณ์เสริม

การป้องกันความชื้นและกลิ่นอับ

กระเป๋าแบรนด์เนมไม่ว่าจะเป็นของใหม่หรือของมือสอง หากเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นสูงหรืออากาศไม่ถ่ายเท ก็อาจเกิด “กลิ่นอับ” ที่ยากจะแก้ไข และบางครั้งยังตามมาด้วยปัญหา เชื้อรา คราบดำ หรือวัสดุเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะกระเป๋าหนังแท้ ผ้ากำมะหยี่ หรือซับในที่เป็นผ้า ซึ่งดูดความชื้นได้ดี หากไม่มีการดูแลป้องกันล่วงหน้า กระเป๋าใบสวยของคุณอาจเสียหายอย่างถาวรได้ง่าย ๆ

ทำไมกระเป๋ามือสองจึงมีความเสี่ยงเรื่องความชื้นมากกว่าปกติ?

กระเป๋ามือสองหลายใบอาจถูกเก็บไว้นาน หรือผ่านการใช้งานโดยเจ้าของเดิมในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง เช่น เก็บในตู้ที่ไม่ระบายอากาศ ใส่ของแล้วไม่ได้ทำความสะอาด หรือโดนน้ำฝนโดยไม่เช็ดแห้งสนิท เมื่อคุณได้รับมาแล้วจึงจำเป็นต้อง “รีเซ็ต” การเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้กระเป๋าอยู่กับคุณในสภาพดีได้นานที่สุด

วิธีป้องกันความชื้นและกลิ่นอับอย่างถูกต้อง

1. ใช้ซองกันชื้น (Silica Gel หรือแบบดูดซับกลิ่น)

ใส่ไว้ในกระเป๋า 1-2 ซอง ช่วยดูดความชื้นสะสมภายใน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หรือในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง

Tip: ควรเปลี่ยนทุก 1-2 เดือน หรือหากพบว่าซองเริ่มอิ่มตัว

2. หลีกเลี่ยงพื้นที่อับชื้น เช่น ใต้ตู้เสื้อผ้า ติดผนัง หรือในห้องน้ำ

เลือกเก็บในตู้ที่มีอากาศถ่ายเท หรือเปิดประตูตู้ให้มีลมไหลเวียนได้บ้างเป็นครั้งคราว

3. วางถุงผ้าไว้แทนกล่องแข็ง

หากไม่ได้ใช้งานกระเป๋าบ่อย ควรเก็บไว้ในถุงผ้าสักหลาดที่แบรนด์ให้มา แทนการเก็บในกล่องกระดาษแข็งที่ปิดสนิท เพราะกล่องปิดสนิทจะกักเก็บความชื้นไว้ภายใน

4. ใช้เบกกิ้งโซดาแบบซองหรือตลับดูดกลิ่น (ไม่สัมผัสกระเป๋า)

หากกระเป๋ามีกลิ่นอับเบา ๆ ให้ลองใช้เบกกิ้งโซดาห่อผ้าบางหรือใส่ถ้วยเล็กไว้ใกล้ ๆ กระเป๋า ไม่ควรวางสัมผัสโดยตรงกับกระเป๋า

5. พ่นสเปรย์กันเชื้อรา/กันกลิ่นเฉพาะสำหรับกระเป๋า

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อหนังหรือผ้าโดยเฉพาะ และควรทดสอบกับบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้กับทั้งใบ

ห้ามทำ!

  • ห้ามใช้สเปรย์น้ำหอมคนฉีดลงกระเป๋าโดยตรง เพราะมีแอลกอฮอล์

  • ห้ามใช้ถุงพลาสติกห่อกระเป๋าแทนถุงผ้า เพราะจะกักความชื้น

  • ห้ามเก็บกระเป๋าไว้ในห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีไอน้ำโดยเด็ดขาด

สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาดกับกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง

การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองไม่ใช่แค่การทำความสะอาดหรือเก็บรักษาอย่างทะนุถนอมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่อาจ “ทำร้าย” กระเป๋าโดยที่คุณไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกระเป๋ามือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว วัสดุบางส่วนอาจมีความเสื่อมสภาพ หรือเปราะบางกว่ากระเป๋าใหม่ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

ต่อไปนี้คือ สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด หากคุณต้องการให้กระเป๋าแบรนด์เนมของคุณอยู่ในสภาพดีได้นานที่สุด และคงมูลค่าหากต้องการขายต่อในอนาคต

 1. ห้ามซักกระเป๋าทั้งใบ ไม่ว่าจะด้วยมือหรือเครื่อง

กระเป๋าแบรนด์เนมไม่ควรถูกซักด้วยน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการซักมือ แช่น้ำ หรือปั่นเครื่อง เพราะอาจทำให้หนังพอง เสียทรง ลายพิมพ์หลุด หรือกาวที่ยึดโครงกระเป๋าหลุดออกมาได้อย่างถาวร หากต้องการทำความสะอาด ควรเช็ดเฉพาะจุดด้วยผ้าแห้งหรือผ้าหมาดอย่างระมัดระวัง

 2. ห้ามใช้ทิชชูเปียกหรือแอลกอฮอล์เช็ดกระเป๋า

หลายคนเข้าใจผิดว่าแอลกอฮอล์หรือทิชชูเปียกสามารถใช้เช็ดกระเป๋าได้ เพราะดูสะดวกและฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ในความเป็นจริง แอลกอฮอล์สามารถกัดผิวหนังให้แห้งกรอบ ทำให้สีซีดหรือเป็นด่างโดยเฉพาะกับหนังแท้หรือผ้าเคลือบลายพิเศษ

 3. ห้ามเก็บในถุงพลาสติกหรือกล่องปิดสนิทโดยไม่มีซองกันชื้น

การเก็บกระเป๋าไว้ในถุงพลาสติก แม้จะดูสะอาด แต่กลับเป็นการกักเก็บความชื้นไว้ภายใน ซึ่งอาจก่อให้เกิดกลิ่นอับ เชื้อรา หรือสนิมตามอะไหล่โลหะ หลีกเลี่ยงการปิดกล่องสนิทโดยไม่มีการดูดความชื้น เพราะอากาศไม่หมุนเวียนเลยจะยิ่งเร่งการเสื่อมสภาพ

 4. ห้ามวางหรือแขวนผิดวิธี

กระเป๋าหลายรุ่นโดยเฉพาะที่เป็นทรงนิ่ม หรือมีสายหนังอ่อน ไม่ควรถูกแขวนด้วยน้ำหนักทั้งใบบนหูจับหรือสายสะพาย เพราะแรงดึงจะทำให้หูยืดหรือสายขาดได้ แนะนำให้วางเรียบหรือพยุงด้วยหมอนพิเศษแทน

 5. ห้ามใส่ของหนักเกินไป

แม้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมจะทน แต่หากใส่ของหนักเกินไปเป็นประจำ เช่น ขวดน้ำ แล็ปท็อป หรือของมีคม อาจทำให้กระเป๋าเสียทรง เย็บปริ หรือซับในขาดได้โดยไม่รู้ตัว และเป็นตำหนิที่ทำให้ราคาขายต่อดิ่งทันที

แนะนำอุปกรณ์ดูแลกระเป๋าที่ควรมีติดบ้าน

การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองให้อยู่ในสภาพดี ไม่จำเป็นต้องส่งร้านทำความสะอาดทุกครั้ง เพราะมีอุปกรณ์หลายอย่างที่สามารถใช้ดูแลเบื้องต้นได้เองที่บ้าน แถมยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และรักษาสภาพกระเป๋าให้ดูใหม่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือ ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องตามประเภทวัสดุของกระเป๋า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ

มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรมีติดบ้าน หากคุณรักการดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมของคุณให้อยู่ในสภาพเหมือนวันแรก

1. ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่ม

ใช้สำหรับเช็ดฝุ่นหรือคราบเบา ๆ บนพื้นผิวกระเป๋า โดยไม่ทิ้งรอยขีดข่วนหรือขุยผ้า

Tip: ควรมีผ้าแยกเฉพาะสำหรับหนังแท้ ผ้า และฮาร์ดแวร์ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน

2. แปรงขนนุ่มขนาดเล็ก

เหมาะสำหรับแปรงฝุ่นออกจากร่องซิป มุมกระเป๋า หรือกระเป๋าผ้ากำมะหยี่

แนะนำให้ใช้แปรงสำหรับหนังกลับโดยเฉพาะ หากเป็นกระเป๋า suede

3. หมอนพยุงทรงกระเป๋า / กระดาษยัดทรง

ช่วยรักษารูปทรงของกระเป๋าเมื่อไม่ได้ใช้งาน ป้องกันการยุบหรือพับโดยไม่ตั้งใจ

หากไม่มีหมอนเฉพาะ สามารถใช้ผ้าขนหนูหรือกระดาษทิชชูหนายัดแทนได้

4. ถุงกันฝุ่น (Dust Bag)

ใช้เก็บกระเป๋าแทนการวางเปลือย ๆ บนชั้น ช่วยกันฝุ่น กันแสง และความชื้น

หากกระเป๋ามือสองไม่มีถุงผ้ามาด้วย แนะนำให้ซื้อแยกเพื่อรักษาสภาพ

5. ซองกันชื้น (Silica Gel)

ช่วยดูดความชื้นภายในกระเป๋าและพื้นที่จัดเก็บ ป้องกันกลิ่นอับและเชื้อรา

ควรเปลี่ยนซองใหม่ทุก 1–2 เดือน

6. สเปรย์เคลือบป้องกันน้ำ / คราบสกปรก

เหมาะสำหรับกระเป๋าหนังกลับหรือผ้า เช่น canvas หรือ nylon

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับแบรนด์เนมโดยเฉพาะ และทดสอบก่อนฉีดจริง

7. น้ำยาทำความสะอาดหนัง (Leather Cleaner/Conditioner)

สำหรับกระเป๋าหนังแท้ ใช้บำรุงและป้องกันไม่ให้หนังแห้งแตก

ใช้ร่วมกับผ้าไมโครไฟเบอร์ ถูวนเบา ๆ และไม่ควรใช้บ่อยเกินเดือนละ 1 ครั้ง

8. เบกกิ้งโซดาหรือถ่านไม้ไผ่แบบห่อซอง

ใช้ดูดกลิ่นอับในกระเป๋าที่มีซับในผ้า โดยวางไว้ใกล้กระเป๋า (ไม่สัมผัสโดยตรง)

บทความล่าสุด

ต้องการสินค้าแบบไหน ให้เราช่วยหา





    NAPATRA BRANDNAME

    #แบรนด์เนมจับต้องได้

    แหล่งแลกเปลี่ยน-ซื้อ-ขาย-เทิร์น-ผ่อน-สปา-เช่า

    สินค้าแบรนด์เนมมือสองของแท้เท่านั้น

    มีหน้าร้าน และ มีบริการเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้านคุณ

    ติดต่อเรา

    © 2024 Napatra Brandname. All Rights Reserved.